ฟิล์มใสกันรอย รถยนต์ ดีไหม ?? คำถามนี้เป็นสิ่งที่หลายๆท่านอยากรู้คำตอบ
สำหรับในปัจจุบัน เทคโนโลยี ที่ดีที่สุดของการปกป้องสีรถยนต์ก็คือการติดตั้งฟิล์มใสกันรอย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Paint Protection Film ครับ ซึ่งการติดตั้งฟิล์มใสกันรอยจะช่วยปกป้องสีรถจากริ้วรอยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยขนแมว รอยจากการเช็ดและล้างที่ไม่ถูกวิธี รอยสะเก็ดหิน รวมถึงอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กน้อย ด้วยครับ
สิ่งที่เราควรพิจารณาก่อนการเลือกติดตั้งฟิล์มใสกันรอย นอกจากเรื่องของราคา ก็คือคุณภาพและคุณสมบัติของฟิล์มใสกันรอย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ความหนา การซ่อมแซมตัวเองเมื่อเกิดรอย อายุการใช้งาน คราบกาว ความใสของเนื้อฟิล์มหลังการติดตั้ง เป็นต้น
แต่ทีนี้เราควรจะติดตั้งฟิล์มใสกันรอยแบบไหนดีนะ เพราะว่าในตลาดก็โฆษณากันไว้หลายๆ แบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ PVC , TPH , TPU เรามาดูกันครับว่าแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร
ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ มีกี่แบบ ?
- แบบแรก ฟิล์มใสกันรอย เกรด PVC (Polyvinylchloride) เกรดนี้มีข้อดีคือราคาถูกที่สุด ส่วนคุณสมบัติอื่นจะไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะการให้ตัวหรือความยืดหยุ่นที่น้อยมากๆทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้เมื่อเกิดริ้วรอยบนชั้นฟิล์ม และพอเสื่อมสภาพฟิล์มจะแตกลายงา ถัดมาคือคราบกาว กาวจะค่อนข้างเยอะ ถ้าบางเจ้ากาวเยอะมากๆ ตอนลอกออกจะมีโอกาสที่จะดึงสีรถ(ชั้นแล็คเกอร์) ออกมาด้วย ส่วนในเรื่องของความหนา ความหนาจะน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทุกแบบ สุดท้ายอายุการใช้งานที่สั้น ยิ่งบ้านเรามีอากาศที่ร้อนชื้น หากใช้งานรถเป็น daily use อายุการใช้งานไม่เกิน 1 ปี มีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพครับ
- แบบถัดมาคือ ฟิล์มใสกันรอย เกรด TPH (Thermoplastics Polyurethane Hybrid) มีการบอกกันว่าเป็นลูกครึ่งระหว่าง PVCและ TPU ซึ่งข้อดีจะดีกว่าเกรด PVC ขึ้นมา จะมีอายุนานกว่า การให้ตัวดีกว่า และมีคุณสมบัติที่ดีกว่า PVC ส่วนเรื่องคราบกาวยังคงมีอยู่ แต่จะไม่เยอะเท่า PVC มีความใสมากกว่า pvc และราคาจะสูงขึ้นมาจากเกรด pvc แต่ความเงาใสจะยังมีลักษณะเป็นคลื่นผิวส้ม ไม่เนียนเรียบใส ส่วนอายุการใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 2 ปี
- แบบสุดท้าย คือ ฟิล์มใสกันรอย เกรด TPU ชื่อเต็มคือ Thermoplastic Polyreuthane ซึ่งเป็นเกรดที่เหมาะสมที่สุดในการติดตั้งบนสีรถยนต์ครับ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นสูง มีความใสกว่าทุกเกรด รวมถึงมีความหนามากสุด และปัญหาคราบกาวเวลาลอกออกที่แทบจะไม่มีเลย ซึ่งฟิล์มเกรด TPU จะมีอายุการใช้งาน 3-5 ปี แล้วแต่ยี่ห้อของฟิล์มใสกันรอย ซึ่งการติดฟิล์ม TPU จะเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะนอกเหนือจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว ก็ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ด้วย เช่น การซ่อมแซมตัวเองเมื่อเกิดริ้วรอย (self healing) การไล่น้ำแบบเคลือบแก้ว/เคลือบเซรามิก (hydrophobic effect) เป็นต้น
จบไปเรียบร้อยสำหรับประเภทของ ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ว่ามีกี่แบบนะครับ ส่วนท่านที่อยากติด ฟิล์มใสกันรอย รถยนต์ ร้านไหนดี …. อันนี้แล้วแต่ความสะดวกในการเดินทางไปติดตั้งและเข้าเซอร์วิสเลยครับ เพราะว่าหลังจากการติดตั้งฟิล์มใสกันรอยไปแล้ว ถ้าเราไม่มาดูแล ไม่ตรวจเช็คขอบฟิล์ม หรือไม่นำรถมาลอกฟิล์มออกเวลาฟิล์มหมดอายุ ฟิล์มจะแห้งติดที่ตัวรถ ทำให้เกิดผลเสียต่อสีรถ เพราะฉะนั้นควรจะตรวจสอบกับร้านที่ติดตั้งว่ามีการดูแลหลังการขายยังไงบ้าง สำหรับ การติดฟิล์มใสกันรอย รถยนต์ เพื่อให้รถของเราได้รับปกป้องอย่างแท้จริง รวมถึงการดูแลหลังจากฟิล์มใสกันรอยหมดอายุอีกด้วยครับ
มาถึงตอนนี้ทุกท่านคงพอจะได้ความรู้เพิ่มกันไปแล้วบ้างนะครับ อย่าลืมนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจกันนะครับ หรือหากท่านยังคงไม่แน่ใจอยู่ ลองติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับศูนย์บริการของเราได้เลย ทีมงานของเรายินดีให้บริการดูแลรถของคุณอย่างดีที่สุดอย่างแน่นอน